ความร่วมมือระหว่างสหภาพยุโรปและประเทศไทย
ความร่วมมือระหว่างสหภาพยุโรปและประเทศไทยมีสองรูปแบบ คือ
ความร่วมมือในโครงการที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากจากงบประมาณของสหภาพยุโรป โดยมีฝ่ายบริหารหรือคณะกรรมาธิการยุโรปเป็นผู้ดำเนินการ
และความร่วมมือผ่านโครงการในระดับทวิภาคีระหว่างประเทศไทยกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปโดยตรง
ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา
ความร่วมมือระหว่างคณะกรรมาธิการยุโรปและประเทศไทยเริ่มขึ้นในทศวรรษที่ 70 โดยระยะแรกเน้นไปที่การช่วยเหลือรัฐบาลไทยเพื่อสนับสนุนการปลูกพืชแบบผสมผสานและการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร
อย่างไรก็ดี ความร่วมมือในภายหลังได้เน้นไปที่ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ
เพื่อให้สอดคล้องกับการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของประเทศไทย
ปัจจุบันคณะกรรมาธิการยุโรปมีหน้าที่ดูแลภาพรวมโครงการความร่วมมือในประเทศไทยทั้งหมด
ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สุขอนามัย พลังงาน การศึกษา และเทคโนโลยี
โดยทั้งหมดมีวัตถุประสงค์หลักคือการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในประเทศไทยอย่างยั่งยืน
ยุทธศาสตร์ใหม่สำหรับประเทศไทย
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม
2002 คณะกรรมาธิการยุโรปได้ลงมติรับรองรายงานยุทธศาสตร์สำหรับประเทศไทย ช่วงปี 2002-2006 รายงานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความต่อเนื่องในนโยบายของสหภาพยุโรปต่อประเทศที่ไม่ใช่สมาชิก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อให้โครงการความช่วยเหลือสอดคล้องกับความเร่งด่วนทางด้านการเมืองที่สหภาพยุโรปเห็นว่าควรดำเนินการ
การจัดทำรายงานนี้ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลของแต่ละประเทศ ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปผู้ให้ความช่วยเหลืออื่นๆ
และผู้แทนจากกลุ่มองค์กรในสังคม
ในรายงานยุทธศาสตร์สำหรับประเทศไทยในช่วงปีดังกล่าว
คณะกรรมาธิการยุโรปจะเน้นไปที่ความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุน
และการปฏิรูประบบสาธารณสุขเป็นสำคัญ
คณะกรรมาธิการยุโรปจะให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคและเสริมสร้างขีดความสามารถของประเทศไทยในการปฏิบัติตามพันธะสัญญาขององค์การการค้าโลก (WTO) โดยช่วยให้ทั้งรัฐบาลและบริษัทเอกชนไทยดำเนินงานให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายของสหภาพยุโรปที่พัฒนาไป
และส่งเสริมให้สหภาพยุโรปเข้ามาลงทุนและเข้าถึงตลาดของไทย
นอกจากนี้
ความร่วมมือของคณะกรรมาธิการยุโรปยังมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนโดยรวมเข้าถึงระบบสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ
มีคุณภาพ และที่น่าเชื่อถืออย่างเท่าเทียมกัน
เพื่อสนับสนุนให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน
ความร่วมมือด้านอื่นๆ
ที่ระบุในไว้รายงานนี้ ได้แก่ ความร่วมมือทางด้านสิ่งแวดล้อม พลังงาน
การดูแลและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อพยพและผู้ลี้ภัย
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายทางสังคม เช่น ธรรมาภิบาล
การต่อต้านการผลิตและค้ายาเสพติด วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
และการศึกษา
รวมทั้งการส่งเสริมให้วัฒนธรรมเป็นสื่อกลางในการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสหภาพยุโรปในประเทศไทย
การทำงานร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชน
องค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ที่ทำงานในระดับรากหญ้ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในประเทศไทย
และเป็นพันธมิตรที่สำคัญของคณะกรรมาธิการยุโรปที่ช่วยให้ความช่วยเหลือถึงมือผู้ที่ต้องการอย่างแท้จริง
คณะกรรมาธิการยุโรปได้ให้เงินช่วยเหลือทั้งแบบบางส่วนและทั้งหมดแก่โครงการต่างๆ
ขององค์กรพัฒนาเอกชน อาทิเช่น การพัฒนาองค์กรในสังคม ป่าไม้ สิ่งแวดล้อม ยาเสพติด
และสิทธิมนุษยชน
นอกจากนี้ สำนักงานด้านมนุษยธรรมของสหภาพยุโรป (ECHO) ยังให้เงินช่วยเหลือจำนวนมากแก่องค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยตามค่ายอพยพและหมู่บ้านรอบๆ
บริเวณชายแดนไทย-พม่า โดยนำไปใช้จ่ายเพื่อดูแลด้านสุขอนามัย อาหาร
เชื้อเพลิงในการประกอบอาหาร และให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ลี้ภัยกว่า 100,000
คน
การช่วยเหลือในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ
หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 1997/98 คณะกรรมาธิการยุโรปได้มุ่งให้ความช่วยเหลือรัฐบาลไทยเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่เกิดขึ้นทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งรวมถึงการสร้างงาน การบรรเทาผลกระทบทางสังคมหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
มาตรการเพื่อความมั่นคงในชุมชนชนบท
และความช่วยเหลือทางวิชาการเพื่อปฏิรูปภาคการเงิน
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้รับความช่วยเหลือจาก
ASEM
Trust Fund ซึ่งสหภาพยุโรปและประเทศสมาชิกเป็นผู้ให้เงินรวมทุนเกือบทั้งหมด
เพื่อใช้ในการปฏิรูปภาคการเงินและบริษัทเอกชน
ตลอดจนเข้าแทรกแซงเพื่อลดผลกระทบทางสังคมอันเนื่องมาจากวิกฤตเศรษฐกิจ
ความร่วมมือระดับภูมิภาค
นอกจากจะได้รับเงินช่วยเหลือจากคณะกรรมาธิการยุโรปในโครงการระดับทวิภาคีแล้ว
ประเทศไทยยังได้รับประโยชน์จากโครงการในระดับภูมิภาคภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน (ASEAN) อาเซม (ASEM) และกรอบการทำงานต่างๆ
ทั่วเอเชีย
กิจกรรมซึ่งเน้นในภาคปฏิบัติเหล่านี้ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมต่ออุตสาหกรรม
สถาบัน บริษัท และประชาชนที่เข้าร่วม
ทั้งยังมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทั้งภายในทวีปเอเชีย
และระหว่างเอเชียและยุโรป
การปรึกษาหารือระดับทวิภาคี
กรอบการทำงานเพื่อความร่วมมือระหว่างคณะกรรมาธิการยุโรปกับประเทศไทยอยู่ภายใต้ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างคณะกรรมาธิการยุโรปและอาเซียนปี 1980 ส่วนในระดับทวิภาคีนั้น
การหารือจะอยู่ภายใต้กรอบการทำงานของการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสระหว่างคณะกรรมาธิการยุโรปและประเทศไทย
(Senior Officials Meeting - SOM) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำ